Wednesday, April 8, 2009

บทที่ 2 : จะผสมทั้งที ต้องมีอุปกรณ์ (Equipments)


ก่อนที่จะรู้จักว่าค็อกเทลแต่ละชนิดประกอบด้วยอะไรบ้าง .. เราควรทำความรู้จักอุปกรณ์ที่จำเป็นต่าง ๆ เสียก่อน เพื่อการนำไปใช้ที่ถูกต้อง โดยจะขอแนะนำอุปกรณ์หลัก ๆ ที่สำคัญ เรียกได้ว่า ถ้ารักจะดื่ม ต้องมีติดบ้านไว้ และเป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด (และกาดหลวง) 555 ... ดูตามรูปประกอบได้เลย

1. Jigger (จิ๊กเกอร์) .. บางคนเรียกมันว่า "ที่ตวงเหล้า" ก็ไม่ผิดนัก แต่เรียก "จิ๊กเกอร์" น่าจะเป็นสากล และเข้าใจได้ง่ายกว่า เจ้าอุปกรณ์ชิ้นแรกนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะในการผสมเครื่องดื่มแต่ละครั้ง จำเป็นที่จะต้องมีการ "ตวง" ส่วนผสมที่เป็นของเหลวทั้งหมด ให้ได้ปริมาณหรือสัดส่วนที่ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็น .....

ซึ่งหน่วยตวงตามหลักสากล คือ 1 jigger = 1.5 Oz. (ออนซ์) หรือประมาณ 45 ml. เราจะวัดจากฝั่งที่เป็นด้านใหญ่.... ส่วนด้านเล็ก จะเท่ากับ 1/2 jigger = 0.75 Oz.... ขอย้ำว่า jigger ขนาดมาตรฐานนะครับ

แต่ถ้าหากเราไปเลือกซื้อ เราอาจจะเลือกตามความชอบหรือความถนัด ซึ่ง jigger บางอัน จะมีขนาดที่ด้านใหญ่ เท่ากับ 1 Oz. และด้านเล็ก 1/2 Oz. .. หน้าตาก็จะสวยงาม จับถนัดมือ และเป็นหน่วยที่ตวงง่าย คำนวณง่ายกว่า หรือ บางอัน ก็จะเป็นขนาดด้านใหญ่เท่ากับ 2 Oz. และด้านเล็ก 1 Oz. อันนี้ก็จะสะดวกและง่ายต่อการตวงส่วนผสมที่มีปริมาณมากน้อย ไม่ต้องตวงบ่อยครั้ง

สังเกตนะครับ ไม่ว่าจะเป็น jigger ขนาดใด .. ด้านเล็กจะมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของด้านใหญ่เสมอ
ใครจะชอบขนาดไหน หน้าตาอย่างไร ก็คงแล้วแต่ความถนัดและความชอบครับ ราคาก็จะอยู่ประมาณ ร้อยกว่าบาท - สามร้อยกว่าบาท

2. Shaker (เชคเกอร์) เจ้าของสิ่งนี้ หลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาดี .. (หรือบางคนอาจจะคุ้นกับเสียงเวลาเขย่า) ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามีไว้ "เขย่า" เพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันและมีความเย็นในระยะเวลาอันรวดเร็ว .. Shaker จะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นกระบอก, ส่วนที่เป็นฝากรอง และ ส่วนที่เป็นฝาปิด

ขนาดมาตรฐานที่เราใช้กันทั่วไป จับถนัดมือ หรืออาจจะซื้อติดบ้านไว้ ก็คือขนาด 0.5 ลิตร หรือ 500 มิลลิลิตร(ml.) ซึ่งราคาก็จะประมาณ 400 - 600 บาท แล้วแต่คุณภาพ และสถานที่ที่เราไปซื้อ (ถ้าซื้อในห้างก็แพงหน่อย) .... ส่วนอีก 2 ขนาดที่พบบ่อยก็คือ 0.3 ลิตร ซึ่งมีขนาดเล็ก จับถนัดมือ เหมาะสำหรับผู้หญิง แต่ไม่เหมาะแน่หากเราจะใช้ผสมเครื่องดื่มพร้อมกันหลาย ๆ แก้ว หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมมากๆ .... 0.7 ลิตร ก็ใหญ่ไม่น้อย อาจจะลำบากในการจับ แต่ประโยชน์คือ สามารถทำเครื่องดื่มได้พร้อม ๆ กันหลาย ๆ แก้ว

ส่วนวัสดุนั้น ขอแนะนำว่าให้ใช้ shaker ที่เป็น สแตนเลสสตีล เพราะจะสามารถทำให้เครื่องดื่มเย็นได้ดั่งใจ และมีความทนทานมากกว่า เรียกว่าซื้อครั้งเดียวคุ้ม ส่วนที่เป็นวัสดุอื่น ๆ อย่างเช่น พลาสติก ก็อาจใช้ได้ แต่เขย่าแล้วเครื่องดื่มจะไม่เย็นจัด แต่ข้อดีคือ สีสวย และราคาถูก เอาไว้ผสมแบบขำ ๆ ชิลล์ก็ไม่ผิดนัก
3. Boston Shaker (บอสตันเชคเกอร์) เป็นเชคเกอร์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีความแตกต่างจากประเภทแรก คือ แบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ กระบอกตวงที่เป็นแก้ว และกระบอกตวงสแตนเลส เวลาเทส่วนผสมทั้งหมดลงไปในกระบอกแก้ว (บางอันจะมีปริมาตรบอกด้วย) แล้วจะนำฝั่งที่เป็นสแตนเลสมาครอบประกอบกัน แล้วเขย่าจนได้ความเย็นระดับที่ต้องการ (ดูวิธีการได้จากคลิปก่อนหน้านี้)
เชคเกอร์ประเภทนี้ จะไม่มีส่วนที่เป็นฝากรอง เมื่อผสมเสร็จแล้ว ถ้าจะเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง ก็สามารถรินได้เลยไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะเสิร์ฟเฉพาะน้ำ ก็จะเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Strainer มาประกบที่ปากกระบอก ก่อนที่จะรินน้ำออกมา
4. Strainer (สเตรนเนอร์) อาจจะเรียกว่า ที่กรองหรือฝากรองก็ได้ อุปกรณ์ชิ้นนี้จะใช้คู่กับ Boston Shaker เสมอ ดังที่กล่าวมาแล้ว
5. Barspoon (บาร์สปูน) "ช้อนบาร์" หรือ "ช้อนคน" มีหน้าที่เอาไว้คนผสมเครื่องดื่ม ที่ไม่ต้องใช้การเขย่าแต่เป็นการเทผสมธรรมดา ... ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งก็คือ เอาไว้เป็นอุปกรณ์ช่วยในการทำเครื่องดื่มประเภท Layer ซึ่งจะกล่าวในบทต่อไป
6. Melon Baller (เมลอน บอลเลอร์) "ช้อนคว้าน" มีประโยชน์ในการใช้คว้านหรือปั้นแต่งผลไม้จำพวกแตงต่าง ๆ เช่น แตงโม แคนตาลูป ให้เป็นลูกกลม ๆ สวยงาม เพื่อนำมาใช้ในการตกแต่งปากแก้ว หรือใส่ลงไปพร้อมกับเครื่องดื่มก็ได้ อย่างเช่น fruit punch เป็นต้น
ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง ทุกท่านคงพบเห็นและคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น เครื่องปั่น, มีดผลไม้, มีดแกะสลัก, เขียง, ที่คั้นน้ำผลไม้ เป็นต้น

1 comment:

:: I'm M A Y A :: said...

ชักอยากจะกิน Cocktail ฝีมือ ใครบางคนซะแล้วสิ