Wednesday, December 8, 2010

ดอยอะไร ..ไม่เหมือนเดิม ??


ดอยอะไร ..ไม่เหมือนเดิม ???

เห็นหัวข้อแล้วอย่าเพิ่งสับสน หรือแปลกใจ ... ว่าเอ๊ะ! มันเกี่ยวอะไรกับอาหารและเครื่องดื่ม เกี่ยวจริง ๆ ครับ ..ขอบอก

ไม่ใช่ว่าจะพาไปกินอาหารบนดอย หรือไปเก็บผักจากยอดดอยมาทำอาหาร ... แต่เพราะคำว่า “ดอย” เนี่ย ถูกนำมาใช้เป็นชื่อของ กาแฟแบรนด์ดังทั้งหลาย .. จนแทบจะกลายเป็นเทรนด์ว่า กาแฟอร่อย ต้องมี “ดอย” นำหน้า (จริงเหรอ ???)

ว่ากันที่เรื่องของชื่อซะก่อนว่า กาแฟนั้นมักจะแบ่งประเภท แบ่งชนิดกันไปในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการแบ่งตามสายพันธุ์ เช่น โรบัสต้า หรือ อราบิก้า ... แบ่งตามวิธีหรือลักษณะการชง เช่น Espresso Cappuccino Latte’ หรือ Americano เป็นต้น

ส่วน “ดอย” ต่าง ๆ นั้น ที่เห็นชัด ๆ โดยเฉพาะแบรนด์ดังทางเหนือ .. ถือว่าแบ่งตามสถานที่ปลูก หรือแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟนั้น ๆ .. เช่น กาแฟดอยตุง เมล็ดกาแฟก็มาจากยอดดอยตุง กาแฟดอยช้าง เมล็ดกาแฟก็มาจากดอยช้าง หรือ กาแฟ(ดอย)วาวี ก็มาจากดอยวาวี เป็นต้น หากเปรียบเทียบกับของต่างประเทศ ก็จะคล้ายกับ กาแฟบราซิล กาแฟบลูเมาท์เทน กาแฟชวา กาแฟสุมาตรา ฯลฯ ... ฉะนั้นเราก็อาจจะพอเดา ๆ ได้ว่า กาแฟเหล่านั้นจะมีคุณภาพดีมากน้อยเพียงใด ก็ดูได้จากชื่อ จากแหล่งที่มานั่นเอง

หลังจากที่เกริ่นมาพอควร .. เข้าเรื่องเลยดีกว่า เหตุที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเกิดความอึดอัด คับข้องใจมานานแล้ว กับประสบการณ์การดื่มและชิมกาแฟร้านต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะร้านที่มีชื่อว่าดอยนำหน้านี่แหละ .... ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้เขียนเรื่องจริง(ผ่านจอ) และไม่อิงนิยาย (แต่อิงประสบการณ์) ก็คือ การได้ลองชิมกาแฟดอย(ตัวใหญ่ๆ)...ไม่ขอเอ่ยนาม เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา จาก 2 ร้าน 2 สถานที่ ในเมนูเดียวกัน ราคาเท่ากัน แต่รสชาดไม่เหมือนกัน

เชื่อแน่นอนว่า คอกาแฟทั้งพันธุ์แท้ และพันธุ์เทียม ... ผู้ที่หลงไหลการดื่มกาแฟ หรือผู้ที่หลงไหลเพียงโลโก้ของกาแฟ อาจจะรู้สึกหมายมั่นปั้นมือ หรือ “คาดหวัง” ว่า กาแฟแบรนด์เนมทั้งหลาย จะอร่อยสมราคา(แพง) หรืออร่อยสมคำร่ำลือ

แต่จากประสบการณ์มันสอนผมว่า “กาแฟดีไม่จำเป็นต้องแพง ... และกาแฟที่แพง ก็อาจจะไม่ดีเสมอไป” เพราะคำว่า “ดี” ของผม มันไม่ได้หมายความแค่เรื่องของความดัง ความแพง หรือคุณภาพของกาแฟเท่านั้น แต่คำว่า “ดี” ของผม หรือของใครหลาย ๆ คน มันหมายความถึง ความพึงพอใจ .. ทั้งในรสชาด ราคา มาตรฐาน บรรยากาศ บาริสต้าสวย ..ฯลฯ

(ข้อหลังนี่เป็นความชอบส่วนตัว 55)

กลับมาเล่าต่อ ว่าเกิดอะไรขึ้น .. กาแฟแก้วแรก เป็น Cappuccino เย็นขนาด 16 Oz. ราคา 65 บาท ซื้อจากร้านแถวบ้านที่มีโลโก้ “ดอย.....” เพื่อเป็นการยืนยันว่าร้านชั้นใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดีนะ ... สังเกตจากเครื่องชง หลักสามหมื่นกว่า ๆ

การแพ็คกาแฟก็ดูใช้ได้ แต่ Crema ไม่ค่อยงาม หน้าตาคนขายไม่สวยแต่ยิ้มแย้มแจ่มใสดี (อันนี้มีผล) ข้อหลังนี้สื่อถึงความสุขในการทำกาแฟนะครับ ไม่ใช่แค่เรื่องภายนอกอย่างเดียว หลายท่านคงเห็นด้วย ..เพราะอาจเคยกิน “กาแฟหน้าบูด” หรือ “กาแฟหน้างอ” กันมาบ้าง

ประมวลผลเสร็จสรรพ ได้ Cappuccino เย็นที่ต้องการมา 1 แก้ว(กระดาษ ฝาโดม) ดูดคำแรก โอ้วพระเจ้า ... “กาแฟห่......ไรมันเปรี้ยวอย่างนี้วะ” ขอบอกว่า ผิดหวังอีกแล้วกับกาแฟดอยนี้ ... ทิ้งไป 65 บาท

อีกวันถัดมา ได้ออกไปทางอำเภอรอบนอก แล้วเกิดอยากเติมคาเฟอีนให้ร่างกาย ...นึกขึ้นได้ว่า มีกาแฟ ดอยเดิม อยู่บนทางผ่าน ก็เลยแวะซื้อ เมนูเดิม Cappuccino เย็นขนาด 16 Oz. ราคา 65 บาท เหมือนกันเป๊ะ .. แต่คราวนี้ มาเป็นแก้วพลาสติกใส สกรีนยี่ห้อ พร้อมฝาโดม และโฟมนมซินนาม่อน .. จากคำบอกเล่าของคนที่ลงไปซื้อ คือ ภรรยา .. ว่ากาแฟนี้น่าจะมาจากเครื่องชงราคาหลักแสน (จากการคาดเดา) ... หรือจะหลักอะไรก็ช่าง .. ซึ่งแว่บแรกที่ผมดูด (ยังไม่รู้ราคาของเครื่อง..เดี๋ยวจะหาว่าอุปทาน) รสชาดมันดีกว่าแก้วเมื่อวานมาก ๆ แต่ผมก็ยังไม่รู้สึกประทับใจอยู่ดี เพราะจากสัมผัสรสชาด และกลิ่น ผมว่ามันยัง “ไม่ถึง” ... ส่วนตัวขอให้แค่ 6 เต็ม 10

ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดถึง ...ตั้งใจสรุปได้ว่า กาแฟที่ดี หรือกาแฟที่อร่อย ๆ สักแก้วนั้น มันเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยมาก ๆ ... ตั้งแต่ต้นกระบวนการ นั่นคือ วิธีการปลูก สถานที่ปลูก ปัจจัยอะไรต่าง ๆ มากมาย .... จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่ร้าน เครื่องชง ส่วนผสม การบด การอัดกาแฟ คนชง บรรยากาศ บรรจุภัณฑ์ มาตรฐาน ... จุกจิกจิปาถะ จนได้กาแฟแก้วที่วางตรงหน้าท่าน มันละเอียดทุกขั้นตอน ... จึงอยากจะเป็นอุทาหรณ์ให้คนที่คิดจะเปิดร้านกาแฟ ว่าต้องละเอียด คิดและใส่ใจให้ครบทุกขั้นตอนเช่นกัน มันไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่สำเร็จรูปเหมือนกาแฟ 3 in 1 .. หรือไม่ได้สวยหรู ดูดี เหมือนซีรีส์เกาหลีเรื่อง Coffee Prince

สำหรับคนที่เป็นผู้ซื้อ ผู้ชิม ผู้ควักเงินออกจากกระเป๋า ... เพื่อแลกกับ “สุนทรียของกาแฟ” ก็อย่าได้หลงเชื่อ.. ตามกระแส หรือคาดหวังอะไรกับ “กาแฟมีแบรนด์” .. หรือกาแฟราคาแพง ว่ามันจะอร่อยล้ำเลิศ หรือว่ามีมาตรฐานเหมือนกันหมด (ขนาดคนยังมีสองมาตรฐานเลย 55) ... กาแฟร้านเดียวกัน คนชงคนละคน บางทีก็ไม่เหมือนกันแล้ว .. แล้วจะคาดหวังอะไรกับกาแฟยี่ห้อเดียวกันแต่คนละสาขา ... ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณจะจ่ายตังค์เพื่อแลกหรือเสพความพึงพอใจในเรื่องอื่น ๆ ... เช่น ถือแก้วกาแฟหรูช่วยเสริมให้ดูดี มีสง่าราศี ติดใจสถานที่ บรรยากาศ ความเป็นกันเอง หรือแม้กระทั่งมีปลั๊กไฟให้ใช้ฟรี ก็อีกเรื่อง ... อันนั้นไม่ว่ากัน และก็ใช่ว่ากาแฟชื่อดัง ที่มีหลายสาขาจะไม่มีมาตรฐานเลย ก็ไม่ใช่ ... ไว้โอกาสหน้า ผมจะพาไปรีวิวร้านกาแฟที่มีสาขา .. และมีมาตรฐานเดียวกัน กาแฟเหมือนกัน คนชงคนละคน คนละสาขา ... แต่รสชาดเหมือนกัน ??? ทิ้งไว้เป็นปริศนาตรงนี้ เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หลายท่านคงตอบคำถามได้ว่า

“ดอยอะไร .. ไม่เหมือนเดิม” ??? คำตอบ ......................(เติมเอาเอง) สวัสดีครับ

Saturday, December 4, 2010

Review : Overstone Pinot Noir 2009 ไวน์มีเสน่ห์ ชวนลิ้มลอง


ห่างหายไปนาน ... กลับมาคราวนี้ ขออนุญาตนำเสนอเรื่องราวของเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง ที่อาจจะไม่เกี่ยวกับ Cocktail และ Mocktail

เลย ... แต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่นิยมกันทั่วโลก ... อดที่จะนำมาพูดถึงไม่ได้

เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์อันลึกซึ้ง ...


"ไวน์" ..คงไม่ต้องนิยามและอธิบายอะไรมากสำหรับคำ ๆ นี้ และคงไม่ต้องสาธยายองค์ความรู้อะไรกันมากมายเพราะว่าคราวนี้ ขอแค่ review ก็พอครับ


เจ้าขวดนี้ "Overstone 2009 - Pinot Noir" ไวน์ดีจากนิวซีแลนด์ ดินแดนที่เคยไปอยู่
และอยากกลับไปเสมอ ... เจ้าไวน์ขวดนี้ เป็นขวดที่อยากลิ้มลองมานานแล้ว
ได้มีโอกาสสัมผัสเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ... "ดีขนาดนั้นเลยเหรอ ?" อืมมม ..
ผมเองก็ไม่ใช
่เซียน หรือคอไวชนิดแฟนพันธุ์แท้ ลิ้นเทพ จมูกเทวดาอะไรหรอก
แต่ด้วยความชอบและสนใจในศาสตร์แห่งไวน์ เลยพยายามค้นคว้า หาความรู้เพิ่มเติม
อยู่ตลอดเวลา ... ร่ายมาซะยาว เข้าเรื่องเลยดีกว่า


Overstone ขวดนี้ มาจากแคว้น Hawkes' Bay ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออก บนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ .. แคว้นนี้ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ดีแห่งหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว
ความน่าสนใจของ Overstone ขวดนี้ ก็คือ พันธุ์องุ่นชั้นเลิศ "Pinot Noir" (ปิโนนัวร์)
ซึ่งถือว่าคุณภาพอยู่ในระดับดีเยี่ยม และเป็นพันธุ์องุ่นที่เคยนำมาผลิตไวน์ที่แ
พงที่สุดในโลก "Romanee Conti"อีกด้วย ...

Pinot Noir จะมีสีทับทิมใส รสชาตินุ่มละมุน เป็นไวน์ดื่มง่าย รสชาติดี มีกลิ่นผลไม้เขตร้อน
ชุ่มฉ่ำ .... โดยเฉพาะ Overstone ขวดนี้ หยดแรกของไวน์ที่แตะปลายลิ้น ก็สัมผัสได้
ถึงความหอม นุ่ม สดชื่น และหรูหรามีระดับ .. อบอวลด้วยกลิ่นของ Blackberry ฝาดนิดๆ
Acidity และ Structure ละเมียดละไมลงตัว ทานกับอาหารจานเนื้อเบา ๆ หรืออาหารจำพวกพิซซ่า ก็เข้ากันได้ดีไม่น้อย ... ด้วยราคาค่าตัวในระดับ 1,500 บาท ..ขอบอกได้ว่า
คุ้มค่าสมราคา ไม่ผิดหวังกันเลยทีเดียว .. แนะนำให้ลอง ในฐานะ "คนดื่ม" ทั่วไป

ไม่ใช่ "นักดื่ม" ตัวยง