Tuesday, April 28, 2009

พักยก : เย็นชื่นใจ ดับกระหายด้วย Passion Mango


พูดเรื่องสุรา เรื่องเหล้า เดี๋ยวจะมึน ๆ เมา ๆ ... งึก ๆ งัก ๆ (กำลังอินเทรนด์ 555) เสียก่อน เลยขอนำสูตรน้ำผลไม้ง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ..... โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นฤดูร้อน ซึ่งผลไม้ในช่วงนี้ที่เห็นเยอะมาก ก็คงจะหนีไม่พ้น "มะม่วง" ..... เราสามารถนำมาแปรรูปได้เยอะแยะมากมาย กินสด ๆ ก็อร่อย

มะม่วงดิบ (จิ้มพริกเกลือ, กะปิหวาน, น้ำปลาหวาน..ถ้าเป็นคนเหนืออย่างเรา ๆ ก็ต้องน้ำพริกน้ำอ้อย) ...โอ๊ยเปรี้ยวปาก ส่วนผลสุกก็มาปอกเปลือก กินได้ทันที หรืออาจจะแช่เย็นสักหน่อย เพิ่มรสชาติ ...กินคู่กับข้าวเหนียวมูล หรือไอศกรีมก็เข้ากันไม่น้อย (ระวังอ้วน)

บางครั้งเราก็นำเอาผลสุก..โดยเฉพาะพันธุ์ "น้ำดอกไม้" มาปั่นเพื่อทำเป็นเครื่องดื่ม ได้ทั้ง mocktail และ cocktail .... แต่ร้อน ๆ แบบนี้ กินอะไรเปรี้ยว ๆ เย็น ๆ คงจะดีไม่น้อย แถมทำได้ง่ายมาก ๆ


ว่าแล้วก็ไปสอยมะม่วงต้นในบ้านมาจัดการทำเจ้า Passion Mango ดีกว่า ..... (เรียกให้เก๋ ๆ เท่ ๆ ไปงั้นแหละครับ) จริงๆ แล้วก็คือน้ำมะม่วง(ดิบ)สด ๆ นั่นเอง ... มาลุยกันเลยครับ


ส่วนผสม มะม่วงดิบ 2-3 ลูก ตามต้องการ

(เวลานำมาหั่นแล้วจะได้ประมาณ 3 -4 ถ้วยตวง)

น้ำต้มสุกเย็น+น้ำร้อน ในอัตราส่วน 1:1

(มะม่วง 1 ถ้วย + น้ำเย็น 1/2 ถ้วย และน้ำร้อน 1/2 ถ้วย)

น้ำเชื่อม 1/4 - 1/2 ถ้วย (ตามชอบ)

(ทำโดยใช้อัตราส่วน 1:1 เช่นกัน คือ น้ำตาล 1 ส่วน น้ำร้อน 1 ส่วน....

ไม่ต้องต้ม แค่คนให้เข้ากัน)

เกลือป่นประมาณ 1/2 ช้อนชา (หากทำมาก ก็ใส่เกลือเพิ่มขึ้นตามส่วน)


ขั้นที่ 1 ก่อนอื่นก็เลือกมะม่วง(ดิบ)เสียก่อน ... ใช้มะม่วงแรด มะม่วงแก้ว หรือตลับนาค ก็ได้ (ผมใช้อย่างหลัง) จะได้รสชาติที่กลมกล่อม มีกลิ่นเปรี้ยวออกรส ... พยายามเลือกที่เปรี้ยวจัดหน่อยครับ

หลังจากนั้นก็นำมาปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด หั่น(หรือเฉาะ) เป็นชิ้นเล็ก ๆ หน่อย


ขั้นที่ 2 นำมะม่วงที่เตรียมไว้แล้ว มาใส่ลงในโถปั่น (หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า Moulinex) แล้วเติมน้ำเปล่า (หรือน้ำต้มสุก) ลงไปตามปริมาณ ......... แล้วปั่นด้วยความแรงสูง จนเนื้อมะม่วงละเอียดกลายเป็นน้ำ


ขั้นที่ 3 เติมน้ำร้อนลงไป คนให้เข้ากัน (หรืออาจปั่นด้วยความแรงต่ำประมาณ 1-2 วินาที)


ขั้นที่ 4 นำน้ำมะม่วงที่ได้ ไปกรองด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาแต่น้ำ


ขั้นที่ 5 เติมเกลือและน้ำเชื่อม ....ชิมและปรุงรสตามชอบ


สุดท้ายก็เตรียมพร้อม ใส่น้ำแข็งรอได้เลยครับ ...... เท่านี้ก็จะได้ passion mango ที่เย็นชื่นใจ แถมสะอาด ปลอดภัย (เพราะทำเอง) ... หรือจะนำไปแช่เย็นจัดแล้วดื่มโดยไม่ใส่น้ำแข็ง ก็อร่อยได้อารมณ์อีกแบบ

ที่สำคัญทำง่าย และราคาถูกด้วยครับ


ก่อนจบเรื่องนี้...แอบกระซิบนิดนึง สำหรับ "คอ cocktail" .... จะเติม vodka หรือ rum ลงไปสัก 1/2 หรือ 1 ออนซ์ ก็ไม่ว่ากันนะครับ ก็จะกลายเป็น cocktail มะม่วงสด ... เจ๋งไปอีกแบบนะจะบอกให้

Saturday, April 25, 2009

บทที่ 4.1 : เมื่อ Absolut ขยายพันธุ์




ฟังชื่อเรื่องอาจรู้สึกแปลก ๆ ... ขยายพันธุ์อย่างไร อะไรคือขยายพันธุ์ .... ในบทก่อนหน้านี้ได้พูดถึงเรื่อง vodka ในแบบมาตรฐานสากล คือ น้ำใส ๆ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น .. แต่มี vodka อยู่ยี่ห้อหนึ่งที่นำผลิตภัณฑ์ มาแตกไลน์ได้อย่างน่าสนใจ แต่งกลิ่นต่าง ๆ มากมายนับสิบชนิด นั่นคือ Absolut Vodka นั่นเอง..... ทำถึงขนาดบางชนิด เป็น "Limited Edition" กันเลยทีเดียว ทำจนกระทั่งในเมืองไทย มีอาชีพใหม่เกิดขึ้น ในสังคมของผู้นิยม spirits นั่นก็คือ ซื้อขวด เก็บขวด ขายขวดAbsolut (กลายเป็นของสะสมกันไปเลย)


มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง.....(ดูภาพประกอบจากบทที่แล้ว)

Absolut Ruby Red (ขวดขาวใส ตัวอักษรสีแดงส้ม)-- มีกลิ่นและรสชาติออกแนว citrus fruit .. แต่จะมีสีแดงทับทิม (คล้าย ๆ น้ำส้มทิปโก้สีทับทิม)

Absolut 100 (ขวดดำ ตัวอักษรขาว)-- เรียกง่าย ๆ คือ แอบโซลูทร้อย 555... เป็น vodka ที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ โดยมีความบริสุทธิ์ของส่วนผสมจากธรรมชาติ กรรมวิธีการผลิตที่พิถีพิถัน(แบบสุด ๆ) .. ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล และที่สำคัญตัวเลข 100 สื่อความหมายได้สองอย่างคือ อย่างแรก หมายถึง pure vodka อย่างที่สองคือระยะเวลา 100 ปี จาก ค.ศ. 1879 (ปีที่เริ่มผลิต) จนกระทั่ง 1979 (ปีที่เริ่มทำตลาดและแพร่หลายทั่วโลก) ยี่ห้อ Absolut ยังคงความเป็น Original ไม่เคยเปลี่ยน (เค้าว่างั้น)

Absolut Raspberri (ขวดแดง ตัวอักษรขาว) -- ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นกลิ่นของราสเบอรี่ อ๊ะ ๆ !! ถ้าสังเกตให้ดี อาจจะคิดว่า rasberri นั้นเขียนผิด ... ทำไม่ไม่สะกดด้วยตัว y ... มาดูข้อความอธิบายจากเวปของ absolut ดีกว่า(ไม่อยากแปล เดี๋ยวสื่ออารมณ์ไม่ถูก) ABSOLUT RASPBERRI is not a misspelling. It’s meant that way to remind you of the Swedish origin of ABSOLUT. Get the rest of the Swedish tale about ABSOLUT RASPBERRI right here

Absolut Vanilia (ขวดขาว ตัวอักษรเทา) -- ชัดเจนครับ สำหรับ "วานิลเลีย" หรือ "วานิลลา" นั่นเอง


Absolut Citron (ขวดขาว ตัวอักษรเหลือง) -- คำว่า citron สื่อความหมายคล้ายคำว่า citrus คือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ในที่นี้หมายถึง มะนาว (Lemon)

Absolut Peppar (ขวดขาว ตัวอักษรดำ, แดง) -- คงพอเดากันออกนะครับว่า Peppar คือ Pepper นั่นเอง ถ้าให้เดา คงมีกลิ่นและความเผ็ดประมาณพริก แน่ ๆ เลย เอาไปผสมเป็น Bloody Mary คงดีไม่น้อย ... แค่พูดถึงก็ฉุนติดปากติดคอแล้วครับ

Absolut Mandrin (ขวดขาว ตัวอักษรส้ม) -- เป็น vodka รสสัมนั่นแหละครับ ชัดๆ ไม่เพี้ยน

Absolut Pears (ขวดขาวเขียว ตัวอักษรเขียว) -- ไม่ต้องเดากันให้วุ่นวาย กลิ่น "ลูกแพร์" แน่นอน

Absolut Kurant (ขวดขาว ตัวอักษรม่วง) -- กลิ่นแบล็คเคอร์เรนท์ครับ ลองมาดูคำอธิบายสั้น ๆ กัน อ่านแล้วชวนติดตามจริง ๆ You probably can figure out the flavor of ABSOLUT KURANT even if you don’t speak Swedish. If not, find out everything about the name and taste right here
Absolut Mango (ขวดขาว ตัวอักษรเหลือง ที่ขวดมีลายริ้ว ๆ เหมือนริบบิ้นสีเหลือง,แดง) -- ไม่ต้องบอก ไม่ต้องแปลกันให้วุ่นวาย เด็ก ป.4 ยังตอบได้เลย จริงป่าว ??

Absolut Apeach (ขวดขาว ตัวอักษรขาว ขวดด้านล่างมีฝ้าสีส้มเข้ม ไล่เฉดขึ้นมาเป็นส้มอ่อนๆ คล้าย ๆ สีของพีช) -- ก็คงพอเดาได้นะครับ ขวดนี้หอมมาก เปิดขวดปุ๊บ กลิ่นพีชลอยเข้ามาเตะจมูกปั๊บ แม้รสชาติจะออกขมนิด ๆ แต่ความหอมก็แทนที่ได้อย่างมีเสน่ห์ที่เดียว

Absolut Limited Edition (ขวดสีทองแบบในรูปเลยครับ) -- อันนี้รู้แต่ว่าเป็นขวดทอง ๆ แต่ไม่รู้ว่ารสชาติและกลิ่น รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ เป็นอย่างไร เพราะไม่เคยเห็นของจริงเลยครับ (อยากเห็นเป็นบุญตาสักหน่อย) ดูแล้วหรูสมเป็น limited edition จริง ๆ ครับ ส่วนราคาคงไม่ต้องพูดถึง !!!

บทที่ 4 : บริสุทธิ์อย่างนี้...นี่สิ Vodka



หลังจากพักยก อ่าน cocktail quotes ... หรือว่าคำขวัญ คำคม ที่เกี่ยวกับเรื่องค็อกเทล หรือเรื่องเมา ๆ ไปแล้ว ...เอิ้ก (อย่าเพิ่งเมาค้างนะครับ) มาเรียนรู้กันต่อดีกว่า ...สำหรับหมวด spirits -- แปลง่าย ๆ ตรงตัวก็คือ "สุรา" หรือ "เหล้า" แต่ถ้าจะจำเพาะเจาะจงให้ชัด คำว่า spirits ในวงการของ บาร์เทนเดอร์ หรือวงการ ค็อกเทล หมายถืง "เหล้าหลัก" หรือ "เหล้าใส" 5 ชนิด คือ Vodka, Tequila, Whisky, Rum and Gin .. (บางที อาจพ่วง Brandy เข้ามาด้วยอีกอย่าง)




ว่าแล้ว ก็มาทำความรู้จักพระเอกตัวแรกของเรา "Vodka" ....หรือ wodka เป็นเหล้าสีขาวใส มีกลิ่นเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก ซึ่งเกิดจากการนำข้าวหรือมันฝรั่งมาหมักบ่ม แล้วนำไปกลั่น ... จากนั้นก็กรอง กรอง กรอง แล้วก็กรอง (อย่างน้อย 2-3 ครั้ง) จนปราศจากสี (อาจปราศจากกลิ่น) หรืออาจมีกลิ่นของแอลกอฮอล์เล็กน้อย จนถือได้ว่า vodka นั้นแทบจะบริสุทธิ์กว่าน้ำเปล่าซะด้วยซ้ำ ... โดยเฉพาะ vodka แพง ๆ คุณภาพดี ๆ จะผ่านกระบวนการที่ละเอียดยิบ และผ่านการกรองถึง 5-6 ครั้งทีเดียว


... มีลูกศิษย์ของผมหลายคนมักถามว่า vodka ต่างจาก "เหล้าขาว" ของบ้านเราอย่างไร ตอบได้เลยครับว่า "เหมือนครับ" ... ถ้ามองในแง่ของวัตถุดิบ และวิธีการผลิต แต่ในความเหมือนย่อมมีความต่าง ไม่เช่นนั้น เจ้าเหล้าขาว หรือน้ำขาวบ้านเรา คงได้โกอินเตอร์ บรรจุขวด บินไปขายกันในต่างประเทศแล้ว....อย่างที่บอกครับ ความต่างนั้นก็คือ กรรมวิธีการผลิตที่พิถีพิถันทุกขั้นตอน เรียกว่า "คุณภาพคับแก้ว(คับขวด)" อย่างแท้จริง ถึงจะเรียกว่า vodka และโกอินเตอร์ได้... แต่เหล้าขาวบ้านเรา หมัก ๆ ต้ม ๆ แล้วก็อาจจะกลั่นหรือกรองหรือไม่ก็ได้ ... แต่เอาเมาเข้าว่า เป็นใช้ได้ จริงมั้ย !!


ส่วนต้นกำเนิดของ vodka นั้นมาจาก รัสเซีย ... แต่ดั้งแต่เดิมเขียนว่า "Zhiznennia Voka" ซึ่งแปลว่า "Water of life" ดีกรีจะอยู่ที่ 40-50 เปอร์เซนต์ แต่เดิมนิยมดื่มเพื่อช่วยลดความหนาวเย็น เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย .... ยี่ห้อที่เรารู้จักและคุ้นกันมากที่สุดคือ Smirnoff และ Kulov นอกจากนั้นก็ยังมี Absolut Vodka (ต้นตำรับคือ สวีเดน .. ประเทศที่พำนักของ maja นั่นเอง) และ Finlandia (เป็นของฟินแลนด์) ซึ่งจะเห็นได้ว่า 2 ยี่ห้อหลัง อยู่ในประเทศแถบสแกนดิเนเวียน ซึ่งหนาวเย็นไม่แพ้กัน .... ส่วนใครที่สนใจศึกษาประวัติ หรือหาข้อมูล รวมถึงสูตร cocktail ที่ทำจาก vodka ยี่ห้อดัง ๆ เหล่านี้ เพียงแต่พิมพ์ www.(ยี่ห้อ).com ก็จะเจอ เช่น http://www.absolut.com/ (เจ๋งมากขอบอก)




การดื่ม vodka นั้นอาจจะดื่ม "เพียว" ก็ได้ โดยริน vodka 1 ช็อต ใส่เกลือซักหยิบมือ(เล็กๆ... ไม่งั้นเค็ม) บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย ... หรือหากไม่บีบ อาจวางมะนาวผ่าซีกบนปากแก้วช็อต(shot) ... หลังจากนั้น ถือแก้วขึ้นมา (จับบริเวณปากแก้ว) แล้วก็ตบมะนาวพร้อมกับแก้ว ... ให้มะนาวลงไปอยู่ในแก้ว แล้วก้นแก้วก็กระแทกโต๊ะ (อย่าทำแรงมาก เดี๋ยวแก้วแตก มือแหก.... หรือโต๊ะข้าง ๆ อาจเขม่นเอาได้ 555) หลังจากนั้นก็ยกซด รวดเดียวหมด ซึ่งวิธีการดื่มแบบนี้เราเรียกว่า poper หรือ pop ซึ่งบ้านเราแผลงมาเป็น "ป๊อก"..หรือ "เหล้าป๊อก" นั่นเอง (มาจากเสียงของแก้วที่กระแทกกับโต๊ะ)


ถ้าใจไม่(ด้าน)ถึงพอที่จะดื่มเพียว ๆ ....ก็ดื่มแบบผสมนี่แหละง่ายที่สุด สูตรที่ง่าย ๆ และเป็นที่นิยมทั่วไป เช่น Screwdriver (วอดก้า 1 ออนซ์ + น้ำส้มเต็มแก้ว) , Bloody Mary , Vodka Martini เป็นต้น


ก่อนจบ ...ฝากประโยคไว้ประโยคนึงครับ “It will leave you breathless" ..... ประโยคนี้เป็นคำโฆษณาคุณสมบัติของ vodka ซึ่งแปลง่าย ๆ เป็นคำเมือง(ภาษาเหนือ) ว่า "เมาแล้วไม่ขำ" (ขำ..แปลว่าค้าง) หรือแปลเป็นไทย ก็ประมาณว่ากินแล้วลมหายใจจะไม่มีกลิ่น ในความหมายคือ ไม่เมาค้างนั่นเอง .... จริงหรือไม่ก็ลองพิสูจน์เองแล้วกันครับ

Friday, April 24, 2009

:: พักยก กับ COCKTAIL QUOTES ::



วันนี้.. วันศุกร์.. ขอให้สนุก สุขสันต์... จะไปเฮฮากันที่ไหน ก็อย่า Drink หนักเกินไปนะคะ...เป็นห่วงจ้า..

ช่วงนี้ รู้สึกว่า Maja จะห่างหายไปนานพอสมควร เนื่องด้วยภาระกิจรัดตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน๊อต.. ปล่อยให้ buddy "Boy" เขียน blog คนเดียว.. รู้สึกแย่จัง..

แต่เพื่อให้ความรู้สึกผิดมหันต์ ลดน้อยถอยลง...วันนี้ก็เลยมีอะไรมาฝากเพื่อน Boy และ เพื่อน ๆ ชาว blog ค่ะ

คอเหล้า คอสุรา เค้ามีสำนวน "ลูกทุ่ง" น่ารักน่าฟัง.. งั้นเรา คอ Cocktail ก็ขอมีกะเค้ามั่งละกันเนอะ...

ว่าแล้วก็ นี่เลยจ้า....

A good cocktail can really bring the profoundness out of anyone, Here a collection of our favorite drinking quotes.

If You Drink, Don't Drive.
Don't Even Putt!

- Dean Martin

When I read about the evils of drinking, I gave it up.
Reading, that is.

- Henny Youngman

One martini is alright, two is too many, three is not enough.
- James Thurber

Everybody should believe in something
I believe I'll have another drink.

- Source Unknown

Do not allow children to mix drinks. It is unseemly and they use too much vermouth.
- Steve Allen

Work is the curse of the drinking class.
- Oscar Wilde

Compromises are for relationships, not wine.
- Sir Robert Scott Caywood

Now is the time for drinking, now the time to beat the earth with unfettered foot.
- Source Unknown

Meet me down in the bar! We'll drink breakfast together.
- W. C. Fields

May your glass be ever full, May the roof over your head be always strong, And may you be in heaven Half an hour before the devil knows you're dead.
- Irish drinking toast

Man, being reasonable, must get drunk; The best of life is but intoxication.
- Lord Byron

I never should have switched from Scotch to Martinis.
- Humphrey Bogart's last words

One tequila, two tequila, three tequila, floor
- George Carlin

Maja อยากจะแปลให้นะคะ... แต่อาย กลัวแปลผิดสำนวนเค้า แล้วหน้าแตกแย่เลย... อืม..ทำไงดี เพื่อน Boy ช่วยคิดหน่อยเร้ว ??

หรือเพื่อนสมาชิก Blog ท่านไหน มีความสามารถในการแปล...ไม่ต้องเกรงใจกันนะคะ.. ทิ้งความอบอุ่นไว้ใน

กล่อง Comment ได้เลยค่ะ...

ก็ในเมื่อเราคิดจะลงถัง Cocktail ด้วยกันแล้ว... เราก็ต้องช่วยกัน Drink ให้หมด นะคะ.. (เอิ๊กส์ ๆ -- เหมือนกับที่เค้าว่า "เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็ต้องช่วยกันแจวให้ถึงฝั่ง" ใช่หรือเปล่า น้อ ???)

โอกาสหน้า ฟ้าใหม่ เจอกันใหม่นะคะ...

รักนะ.. จุ๊พส์ - จุ๊พส์ ..

:: M A J A ::


Monday, April 20, 2009

บทที่ 3 : Method - วิธีการผสมแบบต่าง ๆ


ห่างหายไปนานพอควรนะครับ กับการอัพบล็อค... เนื่องจากโปรแกรมมีปัญหาพอสมควร
ตอนนี้ลง windows ใหม่แล้ว เริ่มกันต่อได้แล้วล่ะครับ !!!
ก่อนที่เราจะเริ่มลงมือผสม cocktail (หรือ mocktail) กันสักแก้วหนึ่ง .. ก็ควรต้องรู้ก่อนว่า เราจะสามารถผสมได้อย่างไรบ้าง ด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป .. ซึ่งนั่นก็หมายความถึง วัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันด้วยครับ
มาดูกันเลยว่ามีวิธีการอะไรบ้าง

1. Shake & Strain (การเขย่าและกรอง) ... วิธีการนี้ คือการนำเอาส่วนผสมทั้งหมดมาเขย่ารวมกัน (หรือรวมกันแล้วเขย่า) เมื่อได้ความเย็นที่ต้องการแล้ว ก็เทเอาเฉพาะส่วนที่เป็น"น้ำ" ออกมาเท่านั้น ซึ่งเราจะใช้อุปกรณ์ก็คือ shaker (หากใช้ boston shaker ก็จะต้องใช้ strainer เป็นตัวช่วยในการกรอง --- ดูจากคลิปก่อนหน้านี้ได้เลยครับ) .... วัตถุประสงค์ของวิธีการนี้ คือ เน้นสำหรับส่วนผสมที่อาจเข้ากันได้ยาก มีความเย็นที่เหมาะสม และไม่ทำให้เสียรสชาติของแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น margarita


2. Shake (การเขย่า) ... เขย่าอย่างเดียวครับ ไม่ต้องกรอง ถ้าเป็น shaker ธรรมดา เมื่อเขย่าเสร็จแล้ว ก็เปิดฝาและฝากรองออก แล้วเทส่วนผสมทั้งหมดที่อยู่ใน shaker ลงในแก้ว จากนั้น ตกแต่งพร้อมเสิร์ฟได้ทันที (หรืออาจจะ top ด้วย Soda หรือ น้ำอัดลม) วิธีการนี้ จะเป็นการเน้นให้เครื่องดื่มเย็นจัด และคงความเย็นได้นาน เน้นรสชาติกลมกล่อม



*** ข้อควรระวังของวิธีการสองแบบแรก คือ ห้ามนำส่วนผสมที่เป็น โซดา น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่อัดแก๊ส ใส่ลงใน shaker .. เพราะจะเกิดแรงดัน และเป็นอันตรายได้


3. Stir (การคนผสม) วิธีนี้ง่ายมาก เพียงเทส่วนผสมที่ต้องการทั้งหมด ใส่ลงใน Mixing Glass(กระบอกผสม) หรือ กระบอก shaker .. แล้วใช้ช้อนบาร์ คนแบบกระทุ้งประมาณ 7-8 รอบ เสร็จแล้วเทใส่แก้วพร้อมเสิร์ฟ หรืออาจจะทำการกรอง แล้วเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งรออยู่ก็ได้ ซึ่งจะเรียกว่า "Stir & Strain" ....... การผสมแบบนี้ จะเน้นเครื่องดื่มที่ไม่ต้องเย็นมากนัก ไม่ต้องการให้น้ำแข็งละลายมาก และเน้นความเข้มข้นของเครื่องดื่ม


4. Build & Pour (การรินหรือเท) เป็นวิธีการที่เรา ๆ คนไทยรู้จักและคุ้นเคยมากที่สุด เนื่องจากเป็นการผสมที่ง่าย ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์มาก ... พูดแบบติดปากคือ "ชงเหล้า" นั่นเอง ... เพียงเทส่วนผสมทั้งหมดลงในแก้ว (ที่ใส่น้ำแข็งรอไว้) เท่านั้น เสร็จแล้วอาจคนเบา ๆ ให้เข้ากัน พร้อมดื่มได้ทันที .... ในวิธีการนี้ อาจใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Pourer (จุกริน) เป็นตัวช่วยในการเทก็ได้ครับ ซึ่งจุกรินบางประเภทจะมีการกำหนดปริมาณที่แม่นยำในการเทแต่ละครั้งได้ ..โดยไม่ต้องตวง


5. Layer (การทำชั้น) คือวิธีการรินให้เครื่องดื่มนั้นเรียงกันเป็นชั้น อุปกรณ์ที่ใช้คือ ที่ริน (Pourer) และช้อนบาร์ (Barspoon) โดยเทรินเหล้าตามน้ำหนักของเหล้า รินให้เรียงกันเป็นชั้นสวยงาม โดยใช้ช้อนบาร์ลดความแรงของเหล้าขณะริน วิธีนี้ใช้สำหรับผสมเครื่องดื่มที่ต้องการดื่มแบบเพียวๆ เน้นสีสัน และความเข้มกลมกล่อมของรสชาติ .... หากเรามีการจุดไฟลงไปด้วย หรือคนไทยเราจะคุ้นเคยกับคำว่า "เหล้าร้อน" ที่ดื่มแล้ว "เร่าร้อน" ....เราก็จะเรียกวิธีการนี้ว่า flaming ยกตัวอย่างเช่น B52 (มี 3 ชั้น -- ตัวอย่างตามภาพครับ) หรือ สุดยอดของ Layer ก็คือ Rainbow (มี 7 ชั้น) ...... การผสมเช่นนี้ ควรต้องมีความชำนาญพอสมควร จึงจะได้สีและชั้นที่สวยงาม


6. Blend (การปั่น) ในการปั่น อุปกรณ์ที่ใช้คือ เครื่องปั่น (Blender) เป็นวิธีการผสมส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากันได้อย่างละเอียด ซึ่งต้องการปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน และมีความเย็นจัด ดื่มง่าย


เอาล่ะครับ.... รู้จักวิธีการผสมกันไปแล้ว ในบทต่อไปก็จะเริ่มรู้จัก "เหล้า" กันแล้วล่ะ อดใจรอกันสักหน่อยนะครับ


Wednesday, April 8, 2009

บทที่ 2 : จะผสมทั้งที ต้องมีอุปกรณ์ (Equipments)


ก่อนที่จะรู้จักว่าค็อกเทลแต่ละชนิดประกอบด้วยอะไรบ้าง .. เราควรทำความรู้จักอุปกรณ์ที่จำเป็นต่าง ๆ เสียก่อน เพื่อการนำไปใช้ที่ถูกต้อง โดยจะขอแนะนำอุปกรณ์หลัก ๆ ที่สำคัญ เรียกได้ว่า ถ้ารักจะดื่ม ต้องมีติดบ้านไว้ และเป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด (และกาดหลวง) 555 ... ดูตามรูปประกอบได้เลย

1. Jigger (จิ๊กเกอร์) .. บางคนเรียกมันว่า "ที่ตวงเหล้า" ก็ไม่ผิดนัก แต่เรียก "จิ๊กเกอร์" น่าจะเป็นสากล และเข้าใจได้ง่ายกว่า เจ้าอุปกรณ์ชิ้นแรกนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะในการผสมเครื่องดื่มแต่ละครั้ง จำเป็นที่จะต้องมีการ "ตวง" ส่วนผสมที่เป็นของเหลวทั้งหมด ให้ได้ปริมาณหรือสัดส่วนที่ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็น .....

ซึ่งหน่วยตวงตามหลักสากล คือ 1 jigger = 1.5 Oz. (ออนซ์) หรือประมาณ 45 ml. เราจะวัดจากฝั่งที่เป็นด้านใหญ่.... ส่วนด้านเล็ก จะเท่ากับ 1/2 jigger = 0.75 Oz.... ขอย้ำว่า jigger ขนาดมาตรฐานนะครับ

แต่ถ้าหากเราไปเลือกซื้อ เราอาจจะเลือกตามความชอบหรือความถนัด ซึ่ง jigger บางอัน จะมีขนาดที่ด้านใหญ่ เท่ากับ 1 Oz. และด้านเล็ก 1/2 Oz. .. หน้าตาก็จะสวยงาม จับถนัดมือ และเป็นหน่วยที่ตวงง่าย คำนวณง่ายกว่า หรือ บางอัน ก็จะเป็นขนาดด้านใหญ่เท่ากับ 2 Oz. และด้านเล็ก 1 Oz. อันนี้ก็จะสะดวกและง่ายต่อการตวงส่วนผสมที่มีปริมาณมากน้อย ไม่ต้องตวงบ่อยครั้ง

สังเกตนะครับ ไม่ว่าจะเป็น jigger ขนาดใด .. ด้านเล็กจะมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของด้านใหญ่เสมอ
ใครจะชอบขนาดไหน หน้าตาอย่างไร ก็คงแล้วแต่ความถนัดและความชอบครับ ราคาก็จะอยู่ประมาณ ร้อยกว่าบาท - สามร้อยกว่าบาท

2. Shaker (เชคเกอร์) เจ้าของสิ่งนี้ หลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาดี .. (หรือบางคนอาจจะคุ้นกับเสียงเวลาเขย่า) ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามีไว้ "เขย่า" เพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันและมีความเย็นในระยะเวลาอันรวดเร็ว .. Shaker จะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นกระบอก, ส่วนที่เป็นฝากรอง และ ส่วนที่เป็นฝาปิด

ขนาดมาตรฐานที่เราใช้กันทั่วไป จับถนัดมือ หรืออาจจะซื้อติดบ้านไว้ ก็คือขนาด 0.5 ลิตร หรือ 500 มิลลิลิตร(ml.) ซึ่งราคาก็จะประมาณ 400 - 600 บาท แล้วแต่คุณภาพ และสถานที่ที่เราไปซื้อ (ถ้าซื้อในห้างก็แพงหน่อย) .... ส่วนอีก 2 ขนาดที่พบบ่อยก็คือ 0.3 ลิตร ซึ่งมีขนาดเล็ก จับถนัดมือ เหมาะสำหรับผู้หญิง แต่ไม่เหมาะแน่หากเราจะใช้ผสมเครื่องดื่มพร้อมกันหลาย ๆ แก้ว หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมมากๆ .... 0.7 ลิตร ก็ใหญ่ไม่น้อย อาจจะลำบากในการจับ แต่ประโยชน์คือ สามารถทำเครื่องดื่มได้พร้อม ๆ กันหลาย ๆ แก้ว

ส่วนวัสดุนั้น ขอแนะนำว่าให้ใช้ shaker ที่เป็น สแตนเลสสตีล เพราะจะสามารถทำให้เครื่องดื่มเย็นได้ดั่งใจ และมีความทนทานมากกว่า เรียกว่าซื้อครั้งเดียวคุ้ม ส่วนที่เป็นวัสดุอื่น ๆ อย่างเช่น พลาสติก ก็อาจใช้ได้ แต่เขย่าแล้วเครื่องดื่มจะไม่เย็นจัด แต่ข้อดีคือ สีสวย และราคาถูก เอาไว้ผสมแบบขำ ๆ ชิลล์ก็ไม่ผิดนัก
3. Boston Shaker (บอสตันเชคเกอร์) เป็นเชคเกอร์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีความแตกต่างจากประเภทแรก คือ แบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ กระบอกตวงที่เป็นแก้ว และกระบอกตวงสแตนเลส เวลาเทส่วนผสมทั้งหมดลงไปในกระบอกแก้ว (บางอันจะมีปริมาตรบอกด้วย) แล้วจะนำฝั่งที่เป็นสแตนเลสมาครอบประกอบกัน แล้วเขย่าจนได้ความเย็นระดับที่ต้องการ (ดูวิธีการได้จากคลิปก่อนหน้านี้)
เชคเกอร์ประเภทนี้ จะไม่มีส่วนที่เป็นฝากรอง เมื่อผสมเสร็จแล้ว ถ้าจะเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง ก็สามารถรินได้เลยไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะเสิร์ฟเฉพาะน้ำ ก็จะเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Strainer มาประกบที่ปากกระบอก ก่อนที่จะรินน้ำออกมา
4. Strainer (สเตรนเนอร์) อาจจะเรียกว่า ที่กรองหรือฝากรองก็ได้ อุปกรณ์ชิ้นนี้จะใช้คู่กับ Boston Shaker เสมอ ดังที่กล่าวมาแล้ว
5. Barspoon (บาร์สปูน) "ช้อนบาร์" หรือ "ช้อนคน" มีหน้าที่เอาไว้คนผสมเครื่องดื่ม ที่ไม่ต้องใช้การเขย่าแต่เป็นการเทผสมธรรมดา ... ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งก็คือ เอาไว้เป็นอุปกรณ์ช่วยในการทำเครื่องดื่มประเภท Layer ซึ่งจะกล่าวในบทต่อไป
6. Melon Baller (เมลอน บอลเลอร์) "ช้อนคว้าน" มีประโยชน์ในการใช้คว้านหรือปั้นแต่งผลไม้จำพวกแตงต่าง ๆ เช่น แตงโม แคนตาลูป ให้เป็นลูกกลม ๆ สวยงาม เพื่อนำมาใช้ในการตกแต่งปากแก้ว หรือใส่ลงไปพร้อมกับเครื่องดื่มก็ได้ อย่างเช่น fruit punch เป็นต้น
ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง ทุกท่านคงพบเห็นและคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น เครื่องปั่น, มีดผลไม้, มีดแกะสลัก, เขียง, ที่คั้นน้ำผลไม้ เป็นต้น

Monday, April 6, 2009

:: Cocktail - Mocktail ภาค ภาษาไทย ::


อาจจะมีบางท่าน แอบบ่นอุบอิบในใจว่า ทำไม ไม่ยอมเอาความหมาย ของคำว่า Cocktail กับ Mocktail ฉบับแปลเป็นภาษาไทยมาลง เพื่อที่จะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องดื่มประเภทนี้ให้มากขึ้น ... วันนี้ก็เลยขออนุญาต เอาความหมายสั้น ๆ ของเครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดนี้มาลงให้เป็นความรู้พื้นฐานกันก่อน และหากมีอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้ เราสองคนก็จะนำมาเพิ่มเติมให้ความรู้กันต่อไปในโอกาสหน้านะคะ/ครับ

ค็อกเทล (Cocktail) - คือ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วย อย่างน้อยชนิดหนึ่ง เข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผลไม้ ชา กาแฟ น้ำเชื่อม หรือแม้แต่ส่วนผสมอื่น ๆ ตามแบบและวิธีการผสมแบบต่าง ๆ


ม็อกเทล (Mocktail)คือ เครื่องดื่มที่มีกรรมวิธีการทำคล้ายกับค็อกเทล แต่แตกต่างกันตรงที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วย (Non-Alcohol)


ความหมาย คำว่า "Mock" หมายถึง "การลอกเลียนแบบ" เป็นการเล่นคำที่คล้ายกับคำว่า ค็อคเทล โดยคำว่า ม็อกเทล นี้ ถูกกำหนดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1980 ในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้เรียกเครื่องดื่มในแนวนี้ทั้งหมด


หากสมาชิก Blog ท่านไหน มีอะไรที่ต้องการเพิ่มเติม หรือ ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนา Blog เรา เพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับคนอื่น .. ท่านสามารถติดต่อเราได้ที่่


cocktails.mocktails@gmail.com


ถึงแม้นว่า Blog เราจะเป็นเพียง Blog เล็ก ๆ ของ Buddy สองคน ..แต่เราสองคนก็หวังว่า Blog ของเราจะมีเพื่อนที่มีความหลงใหลใน รสชาด สี และ กลิ่น ของเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ เข้ามาร่วมเป็นกำลังใจให้เราสองคนได้พัฒนา Blog ของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป


ไม่แน่นะ ?... หากเรา "โต" ขึ้นมาจริง ๆ .. เราอาจจะมี Cocktail -Mocktail Meeting ก็ได้.. จริงมั้ย ?


Saturday, April 4, 2009

คั่นเวลา - - ด้วยลีลาบาร์เทนเดอร์ชาวไทย สุดยอดดด!!!

Bartender คนนี้ ฝีมือสุดยอดทีเดียว จนคว้าแชมป์การแข่งขันบาร์เทนเดอร์ประเภท flair (ลีลา) ในระดับภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก ปี 2008 ที่ผ่านมา .... ที่สำคัญเขาคนนี้ ทำงานอยู่โรงแรม D2 เชียงใหม่ นี่เองครับ

:: ศาสตร์สุรา บทที่ 1 ::


เมื่อเราเรียนรู้ความหมายของคำว่า Cocktail และ Mocktail ในเบื้องต้นแล้ว (ขออนุญาตแนะนำความรู้ในเรื่อง Cocktail เป็นหลัก... เพราะรายละเอียดเยอะมาก) จากนี้เราจะเริ่มมาเรียนรู้กันต่อไปว่า ในค็อกเทลแต่ละแก้วนั้น ประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง


1. เหล้า ซึ่งอาจจะแยกย่อยลงไปได้อีก คือ เป็นเหล้าหลัก และเหล้ารอง

- เหล้าหลัก (Spirits) ได้แก่ วอดก้า, จิน, ตากีล่า, รัม, วิสกี้, บรั่นดีและไวน์

- เหล้ารอง แบ่งเป็นสองหมวดใหญ่ ได้แก่ เหล้ายา หรือเหล้าก่อนอาหาร(Aperitif) และเหล้าหวาน หรือเหล้าสี (*Liqueur or Cordial) เช่น เวอร์มุธ บิตเตอร์ อานิซ คาลัวร์ คองโทร์ ครีมเดอมินต์ กัลลิอาโน และคูราโซ่ เป็นต้น


* คำว่า liqueur เป็นชื่อเรียกที่มักใช้ทั่วไปตามหลักสากล หรือในแถบยุโรป ส่วน cordial นั้นเป็นคำ
เรียกในแบบฉบับของคนอเมริกัน


2. เครื่องดื่มหรือส่วนผสมอื่น ๆ ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ได้แก่ น้ำส้ม น้ำแอปเปิ้ล น้ำมะนาว โซดา กระทิงแดง โทนิค จิงเจอร์เอล น้ำเชื่อม น้ำหวาน ชา หรือกาแฟ นอกจากนั้นอาจผสมส่วนประกอบอื่น ๆ ได้ เช่น ไข่ไก่ นม ครีม พริกไทย เกลือป่น ซอสพริก ผงลูกจันทร์ หรือแม้กระทั่ง เนื้อผลไม้และผักชนิดต่างๆ เป็นต้น


3. แก้ว ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดมิได้เลย ซึ่งจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับเครื่องดื่มประเภทนั้น ๆ ด้วย อย่างเช่น เครื่องดื่มที่ต้องการให้รสชาติดีในอุณหภูมิที่เย็นจัด ก็ควรจะใช้แก้วที่มีก้าน เพื่อมิให้อุณหภูมิจากมือของเราไปสัมผัสที่ตัวแก้ว ทำให้รสชาติและความเย็นเสียไป การเลือกแก้วที่เหมาะสมถือเป็นการเพิ่มคุณค่าและเพิ่มเสน่ห์ให้กับเครื่องดื่มได้ไม่น้อยเลย


4. เครื่องประดับตกแต่งหรือ Decorater ไม่ว่าจะเป็น มะนาวฝาน, ผิวส้มเกลียว, แตงโม, สับปะรด, ลูกเชอร์รี่ รวมทั้งอุปกรณ์ประดับอื่น ๆ ได้แก่ หลอดดูด, ไม้คน, ร่มกระดาษ, เกลือหรือน้ำตาลที่เคลือบปากแก้ว, ดอกไม้ หรือใบไม้ เป็นต้น

การประดับตกแต่งก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการสร้างสีสัน และความสวยงาม ให้กับเครื่องดื่ม เพื่อให้น่าดื่ม น่าชิม และเป็นการสร้างมูลค่าให้กับเครื่องดื่มแก้วนั้นได้อีกด้วย



ในบทต่อไป เราก็จะเริ่มเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียดของส่วนผสมแต่ละชนิด โดยเฉพาะเรื่องเหล้านั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องศึกษาและเรียนรู้ให้เข้าใจ เพื่อที่เราจะได้สร้างสรรค์เครื่องดื่มให้ได้อย่างใจต้องการ

:: What is a Mocktail ::


A non-alcoholic beverage is a beverage that contains no alcohol. Non-alcoholic mixed drinks (including punches, "virgin cocktails", or "mocktails") are often consumed by children, people whose religion restricts alcohol consumption, recovering alcoholics, and anyone wishing to enjoy flavorful drinks without alcohol. They are often available as alternative beverages in contexts (such as bars) where the norm is to drink alcoholic beverages. Examples include Shirley Temples, Virgin Marys, and virgin-style Piña Coladas. Non-alcoholic beverages contain no more than .5 percent alcohol by volume. The category includes drinks that traditionally have no trace of alcohol such as sodas, juices, and sparkling ciders. It also includes drinks that have undergone an alcohol removal process such as non-alcoholic beers and dealcoholized wines.


List of non-alcoholic cocktails


List of non-alcoholic punches

Wednesday, April 1, 2009

:: What is a Cocktail ::



A cocktail is a style of mixed drink. Originally a mixture of distilled spirits, sugar, water, and bitters,[1] the word has gradually come to mean almost any mixed drink containing alcohol.[2] A cocktail today usually contains one or more types of liquor and flavorings and one or more liqueurs, fruit juices, sugar, honey, water, ice, soda, milk, cream, herbs, bitters, etc.[3]

Cocktails are made with gin, whiskey, rum, tequila, brandy, wine, beer, vodka, etc.

The earliest definition of this type of drink comes from the May 13, 1806, edition of the Balance and Columbian Repository, a publication in Hudson, New York, where the paper provided an answer to the question, "What is a cocktail?". It reads:

"Cocktail is a stimulating liquor composed of spirits of any kind, sugar, water, and bitters — it is vulgarly called a bittered sling and is supposed to be an excellent electioneering potion, inasmuch as it renders the heart stout and bold, at the same time that it fuddles the head. It is said, also to be of great use to a Democratic candidate: because a person, having swallowed a glass of it, is ready to swallow anything else."

Enjoy !!